ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด 19 (ภาค 2)
หลังจากที่มีการประกาศใช้วัคซีนป้องกันโควิด – 19 ในกรณีฉุกเฉิน ก็ช่วยให้หลายประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาสามารถอนุญาตให้ประชาชนงดใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะได้ แต่ล่าสุดโควิดได้กลับมาโจมตีอีกระลอกด้วยสายพันธุ์เดลต้าและมีการติดเชื้ออย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประชาชนฉีดวัคซีนน้อย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผู้คนยังมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีน
ก่อนหน้านี้แอดมินได้นำเสนอความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ไปแล้วใน 3 – 4 กรณี และวันนี้เราจะมาดูกรณีอื่น ๆ เพิ่มเติมกัน
วัคซีนโควิด-19 ทำให้มีบุตรยาก ข่าวลือนี้ไม่เป็นจริง เพราะวัคซีนไม่ได้ไปเข้าใกล้ DNA ในเซลล์ของคุณ ซึ่งวัคซีนโดยเฉพาะ mRNA จะไปสอนเซลล์ของคุณให้เรียนรู้วิธีการสร้างโปรตีนหรือส่วนของโปรตีนที่จะไปกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย และหลังจากสื่อสารข้อความไปถึงเซลล์เสร็จแล้ว วัคซีนก็จะถูกขับถ่ายออกมาในทันที ดังนั้นจึงสามารถฉีดวัคซีนให้กับคนที่มีแผนจะตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมลูกได้
รัฐบาลใส่ไมโครชิปในวัคซีนโควิด-19 บิล มีความเชื่อที่ว่าการระบาดของโควิด-19 เป็นแผนการที่รัฐบาลจะนำไมโครชิปเข้าไปติดตามหรือแกะรอยในมนุษย์ ซึ่งความจริงแล้วแพทย์ให้ความเห็นว่าชิปสำหรับใส่ข้อมูลหรือคำสั่งที่จะไปโปรแกรมมนุษย์ไม่ได้มีขนาดเล็กเพียงพอที่จะฉีดผ่านเข็มเข้าสู่ร่างกายได้
วัคซีน J&J สร้างขึ้นจากเนื้อเยื่อของทารกที่ถูกทำแท้ง ในอดีตได้มีการใช้เซลล์เนื้อเยื่อของทารกที่ถูกทำแท้งมาสร้างเป็นวัคซีนหลายตัวด้วยกัน เช่น หัดเยอรมัน อีสุกอีใส ไวรัสตับอักเสบเอ งูสวัด รวมถึงใช้ในการผลิตยารักษาโรคเลือดไหลไม่หยุดและไขข้ออักเสบ แต่วัคซีนในปัจจุบันไม่ได้ประกอบด้วยเนื้อเยื่อของทารกที่ถูกทำแท้ง อย่างไรก็ตาม ผู้นำศาสนาได้ให้ความเห็นว่าไม่ควรกังวลในการตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ เพราะสามารถยอมรับได้ในทางศีลธรรม
ที่มา : healthline.com เสนอเนื้อหาโดย : Orizan น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวสังข์หยด #น้ำมันรำข้าว
