j

Austo tolit cetero ea eam, at atqui soleat moderatiu usu, vis ut illud putent corumpi. At wisi euripidi duo, vim vide omnies reformida. Populis inimi noluise mea.

เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • Thai
  • English
  • No products in the cart.

10 ประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพของบลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ให้รสหวานและถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะมีแคลอรีต่ำ จึงเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยม ซึ่งเราจะมาดูกันว่าบลูเบอร์รี่มีประโยชน์อะไรบ้าง

  1. บลูเบอร์รี่มีแคลอรี่ต่ำ แต่มีสารอาหารสูง โดยบลูเบอร์รี่ 1 ถ้วย (148 กรัม) ประกอบด้วย ไฟเบอร์: 4 กรัม, วิตามินซี: 24% ของ RDI (ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน), วิตามินเค: 36% ของ RDI, แมงกานีส: 25% ของ RDI และสารอาหารอื่นๆ จำนวนเล็กน้อย อีกทั้งประกอบด้วยน้ำ 85%, 85 แคลอรี่กับคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม

2. บลูเบอร์รี่เป็นราชาแห่งอาหารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลายเซลล์ ที่มีส่วนทำให้เกิดความชราและเป็นโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง ซึ่งบลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับสูงสุดในบรรดาผักและผลไม้ทั่วไป อีกทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มโพลีฟีนอลที่เรียกว่าฟลาโวนอยด์และแอนโธไซยานินที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ

3. บลูเบอร์รี่ช่วยลดความเสียหายของ DNA ป้องกันความชราและมะเร็ง … บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำลาย DNA ซึ่งจากการศึกษาใน 168 คนที่ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่ผสมน้ำแอปเปิ้ล 34 ออนซ์ (1 ลิตร) ทุกวัน แล้วหลังจากนั้น 4 สัปดาห์ พบว่าความเสียหายของ DNA จากการทำลายของอนุมูลอิสระลดลง 20%

4. บลูเบอร์รี่ปกป้องความเสียหายจากคอเลสเตอรอลในเลือด .. เนื่องจากคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันทางชีวเคมีในร่างกาย (Ox-LDL) โดยมีอนุมูลอิสระเป็นตัวกระตุ้น จึงไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งบลูเบอร์รี่ 2 ออนซ์ (50 กรัม) จะมีสารต้านอนุมูลอิสระลดปฏิกิริยาออกซิเดชันของ LDL ได้ 27% ในช่วง 8 สัปดาห์ของคนอ้วนที่เป็นโรคอ้วน สรุปว่า สารต้านอนุมูลอิสระในบลูเบอร์รี่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคหัวใจ

5. บลูเบอร์รี่ลดความดันโลหิต … จากการศึกษาแปดสัปดาห์ในคนอ้วนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจ พบว่าความดันโลหิตลดลง 4-6% หลังจากบริโภคบลูเบอร์รี่ 2 ออนซ์ (50 กรัม) ต่อวัน

6. บลูเบอร์รี่อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจ …จากการศึกษาในพยาบาล 93,600 คน พบว่าผู้ที่รับประทานแอนโธไซยานินมากที่สุด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระหลักในบลูเบอร์รี่ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลดลง 32% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานน้อยที่สุด

7. บลูเบอร์รี่ช่วยรักษาการทำงานของสมองและปรับปรุงความจำ … ภาวะเครียดออกซิเดชั่นเป็นความไม่สมดุลระหว่างอนุมูลอิสระกับระบบต้านออกซิเดชั่นในร่างกายจะสามารถเร่งกระบวนการชราภาพของสมอง ซึ่งจากการศึกษาในผู้สูงอายุ 9 คนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเพียงเล็กน้อย เมื่อดื่มน้ำบลูเบอร์รี่ทุกวัน หลังจากผ่านไป 12 สัปดาห์ มีตัวบ่งชี้ต่าง ๆ ว่าการทำงานของสมองดีขึ้น

8. แอนโธไซยานินในบลูเบอร์รี่อาจมีฤทธิ์ต้านเบาหวาน … จากการวิจัยชี้ให้เห็นว่าแอนโธไซยานินในบลูเบอร์รี่มีผลดีต่อความไวของอินซูลินและการเผาผลาญกลูโคส ซึ่งสามารถต้านเบาหวานได้ โดยความไวของอินซูลินที่ดีขึ้นสามารถลดความเสี่ยงของโรคเมตาบอลิซึมและโรคเบาหวานประเภท 2  ได้ จากการศึกษากับคนอ้วน 32 คนที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน เมื่อกินบลูเบอร์รี่ปั่น 2 ครั้งต่อวัน ทำให้ความไวของอินซูลินดีขึ้นอย่างมาก 

9. อาจช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ … เนื่องจากบลูเบอร์รี่มีสารบางตัวออกฤทธิ์ที่เรียกว่า anti-adhesives เช่นเดียวกับน้ำแครนเบอร์รี่ และช่วยป้องกันแบคทีเรีย เช่น E.coli เกาะติดกับผนังกระเพาะปัสสาวะ

10. บลูเบอร์รี่อาจลดความเสียหายของกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง … การออกกำลังกายอย่างหนักทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เนื่องจากมีการอักเสบที่เกิดจากและภาวะเครียดออกซิเดชั่นในกล้ามเนื้อ ซึ่งบลูเบอร์รี่อาจลดความเสียหายที่เกิดขึ้นในระดับโมเลกุลของกล้ามเนื้อได้ จากการศึกษาของนักกีฬาหญิง 10 คน บลูเบอร์รี่ช่วยเร่งการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายขาที่ต้องใช้กำลังมากได้

ที่มา : healthline.com นำเสนอเนื้อหาโดย : Orizan น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวสังข์หยด #น้ำมันรำข้าว